วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555

เรียนพิเศษผ่านเน็ต > ดีอย่างไร?

คล๊กที่นี้ เพื่อเข้าสู่เว็บไซค์ 



สวัสดีครับก่อนที่วันนี้จะพูดถึงข้อดีของการ  เรียนพิเศษผ่านเน็ต  พี่ขออนุญาติอธิบายถึงประเภท หรือรูปแบบของการเรียนพิเศษว่า การเรียนพิเศษนั้นแล้วจริงๆมีกี่รูปแบบ ? รูปแบบแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร ? มีข้อดี ข้อเสีย อย่างไร? เผื่อว่าจะได้เป็นประโยชน์กับผู้ปกครองที่ได้เข้ามาศึกษาข้อมูลในบล๊อก นี้ครับ

การเรียนพิเศษประเภทที่ 1 เรียกว่าการเรียนพิเศษตามสถาบันกวดวิชาต่างๆ ซึ่งจริงๆแล้วถือว่าเป็นการเรียนพิเศษที่มีความนิยมอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ครับ การเรียนพิเศษในรูปแบบนี้จะรวบรวมจำนวนนักเรียนประมาณ 15-30 คนขึ้นไป มีการเรียนการสอนตามตารางที่ทางสถาบันกำหนด บางวิชามีหลายๆรอบในการบรรยาย ส่วนใหญ่แล้วในต่างจังหวัด ครูผู้สอนที่ทำการสอนจะเป็นครูจาสถาบันการศึกษโรงเรียนมัธยม และประถม หรือ ในระดับอุดมศึกษา ซึ่งมีการเรียนการสอนกับอาจารย์ดังๆต่างๆ เพื่อให้เกิดแรงจูงใจกับนักเรียน และผู้ปกครองว่าครูจากสถาบันชื่อดังมาสอนด่วยตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น สมมุติว่าตอนนี้พี่เรียนอยู่ในระดับชั้น ม.6 ซึ่งมีความใฝ่ฝันว่าอยาจะ Entrance เข้า คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งนั่นคือ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งหากพี่จะเลือกสถาบันกวดวิชาที่จะเรียน พี่ก็ต้องเลือกสถาบันที่มีชื่อเสียงของอาจารย์ประจำคณะนิติ หากเป็นอาจารย์จากคณะนิติ หรือ รุ่นพี่จาก มหาลัยธรรมศาสตร์แล้วก็ดีเยี่ยมเลยใช่มั๊ยครับ...

ข้อเสียของการกวดวิชาแบบนี้คือ

 1.บรรยากาศในการเรียนค้อนข้างแย่ เพราะด้วยจำนวนนักเรียนที่มากถึง 30 คน/น้องเรียนแล้ว หรือบางคอร์สนักเรียนมีมากถึงร้อยคนต่อหนึ่งห้องเรียน การควบคุมสภาพแวดล้อมทางเสียงจะไม่สามารถควบคุมได้ เด็กที่เรียนพิเศษในรูปแบบนี้โดยเฉพาะเด็กที่หัวอ่อน หรือค่อนข้างช่าจะไม่มีสมาธิในการเรียนเท่าที่ควร

2.การควบคุม หรือการใส่ใจจากครูผู้สอนนั้นถือว่าเป็นไปได้ยากมาก ครูทุกคนไม่สามารถอธิบายให้เด็กทุกคนในห้องเรียนเข้าใจได้ทั่วถึง โดยครูส่วนใหญ่จะอิงจากกลุ่มนักเรียนแถวหน้าที่มีความสนใจเรียนมากกว่าครับ

3.ครูผู้สอนส่วนใหญ่มักจะมีคุณวุฒิและวัยวุฒฺิที่แตกต่างจากนักเรียนอย่างสิ้นเชิง จึงทำให้การสื่อสารในการถ่ายทอดความรู้ หรือประสบการณ์จากครูผู้สอนนั้นทำให้เกิดความเข้าใจและการถายทอดประสบการณ์นั้นเป็นไปได้ยาก ครูผู้สอนยยังไม่พัฒนารูปแบบการเรียนการสอนให้ทันยุค ทันสมัยเท่าที่ควร ประสบการณ์จากครูผู้สอนในบางเรื่องนักเรียนไม่สามารถนำไปใช้ได้จริง เช่น ประสบการณ์ในการสอบแข่งขันสอบเข้าโรงเรียน หรือสอบแข่งขันเข้าในระดับอุดมศึกษา

4.หากนักเรียนไม่เข้าใจในบทเรียน ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากที่นักเรียนจะ ยกมือถามข้อสงสัยจากครูผู้สอน ถามกลางสายตาเพื่อนนักเรียนด้วยกันมากกว่า 10 คู่  ข้อนี้พี่เข้าใจครับเพราะพี่เองก็เป็น เป็นธรรมชาติของเด็กไทยครับที่มีความเกรงใจเป็นอันดับหนึ่ง


5.ราคาสูงครับ โดยเฉพาะสถาบันกวดวิชา ที่เรียนกันเป็นร้อยๆคน เรียนแค่ 2-3 วัน เปิดห้องประชุมใหญ่ๆสอนกันเรียนกันทั้งวัน ราคาไม่ต่ำกว่าสองพันบาท/คอร์สครับ อันนี้ เป็นรูปแบบคอร์สที่สรุปเนื้อหาทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่นคอร์สเรียนพื้นฐานกฏหมายเบื้องต้น ที่เชิญอาจารย์ดังของมหาวิทยาลัยต่างๆเข้ามาติวให้ครับ การเรียนการสอนในลักษณะแบบนี้เหมาะกับนักเรียนที่มีพื้นฐานที่ดี อ่านเก็บรายละเอียด และเนื้อหาในรายวิยาที่พร้อมจะ Entrance จบแล้ว เพียงแต่เข้าเรียนไปเพื่อนำเทคนิคมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น เทคนิคการจำ เทคนิคการคำนวนให้เร็วและแม่นยำมากขึ้นเป็นต้น


การเรียนพิเศษประเภทที่ 2 การเรียนพิเศษตามสถาบันกวดวิชาที่เรียนกับ VDO โดยการให้นักเรียนเข้าไปสมัครเรียนที่สถาบัน และใหเจ้าหน้าที่เปิด VDO ให้นักเรียนดูครับ ซึ่งเป็น VDO ที่บันทึกการเรียนการสอนของครูผู้สอน การเรียนแบบนี้เหมาะกับนักเรียนที่มีพื้นฐานการเรียนที่ดี เพราะ เนื้อหาที่คุณครูผู้สอนอธิบายนั้นส่วนใหญ่จะเป็นเทคนิค วิธีการ และการวิเคาระห์ ที่สามารถนำไปใช้ในการสอบแข่งขันได้จริง แต่ข้อเสียของการเรียนพิเศษกับ VDO นี้ คือ

1.หากนักเรียนเกิดข้อสงสัย หรือไม่เข้าใจในเนื้อหาที่ครูผู้สอนบรรยาย นักเรียนจะไม่สามารถสอบถามกับครูผู้สอนได้ เพราะ การเรียนการสอนเป็นในรูปแบบ VDO

2. บรรยากาศในการเรียนไม่สามารถควบคุมได้ เพราะไม่มีครูผู้สอนในการควบคุมนักเรียน มีเพียงแตเจ้้าหน้าที่ ที่เข้ามาเปิดปิด VDO เท่านั้น ดังนั้นก็จะมีนักเรียนที่ตั้งใจเรียบ้าง ไม่ตั้งใจเรียนบ้าง รวมทั้งจำนวนนักเรียนที่มากพอๆกับเรียนพิเศษตามสถาบันกวดวิชาต่างๆครับ

สำหรับประเภทของการเรียนพิเศษ ประเภทที่ 3 และ 4 และประโยชน์ของ  เรียนพิเศษผ่านเน็ต นั้นดีอย่างไร พี่ขอ Udate ในบทคงามหน้าเร็วๆนี้นะครับ

คล๊กที่นี้ เพื่อเข้าสู่เว็บไซค์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น